เปิดประสบการณ์เขียนบทละครเวที เรื่อง เลดี้ลูกทุ่ง

ในเปิดม่านการละคร ครั้งที่ 21 ของชาวนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

 

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 

เรามาส่งชาวหมู่บ้านโนนส้มโฮงให้กลับเข้าไปในโลกที่ไม่มีใครหาเจอ นอกจากจะปลุกพลังในตัวผู้ที่จะปลุกปั้นอีกครั้ง ความพยายามของทีมงานเบื้องหลังผู้ที่สร้างและบอกเล่าเรื่องราว ทั้งผู้กำกับและเขียนบทเราเริ่มกันกันตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ปี 2566 กว่าจะถึงวันแสดง ในเรื่องของบทก็ได้มีการปรับเปลี่ยนหลายครั้งต่อหลายครั้งกว่าบทจะนิ่ง เขียนบทเราตอนแรกมีทั้งหมดสี่คนและผู้กำกับอีกห้าคน หน้าที่ที่มาพร้อมกับความท้าทายของพวกเราคือ พวกเราไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อนเลย แต่จะมีเพื่อนที่เคยทำงานด้านนี้กับรุ่นพี่ปีที่แล้วและแล้วทีมเขียนบทของเราก็ได้มีการขอออกเนื่องจากปัญหาส่วนตัว จึงทำให้เหลือเขียนบทเพียงสองคนและเพื่อนที่ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับอีกห้าคน

ก่อนจะลงลึกในเรื่องของช่วงเวลาที่ยาวนาน เราจะเล่าเรื่องของตัวบทของเรื่องเลดี้ลูกทุ่ง เป็นเรื่องรีเมคของรุ่นปี 2549 แน่นอนว่ากว่าจะถึงปีเราเรื่องราวคงเลือนหายตามกาลเวลา คงจะสงสัยใช่ไหมคะว่ารีเมคคือยังไง เปิดม่านการละครครั้งที่ 21นี้มีอยู่สามเรื่องด้วยกันได้แก่ ศรีทันดร , เลดี้ลูกทุ่งและเรื่องใหม่ที่เฉลยชื่อเรื่องในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมามีชื่อเรื่องว่า SARN CIVILIZE ไฝว้ปลดหนี้ ละคอนเวทีโรแมนติก เมโลดี้จี้หัวใจ ปลุกไฟคนมีฝันที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 – 10 มีนาคม 2567

ช่วงของเดือนพฤจิกายนก็ได้มีการประชุมกันทุกชั้นปีและรับสมัครนักแสดงในสาขานิเทศศาสตร์พบว่าเรื่องขอเราก็มีการสมัครเข้ามาจำนวนหนึ่ง แต่ก็ได้มีการออกเยอะพอสมควรต้นเดือนนี้เรามีการเริ่มลงไดอะล็อกของตัวบทละคอน ส่วนน้องๆ ก็เริ่มมีมาลงทักษะที่ผู้กำกับลงให้นักแสดง เหมือนพี่สอนน้องทุกๆ วันเวลาจ-ศ เวลา 18:00 – 21:00 น.และ ส-อ 13:00 – 16:00 น. เราจะมาเจอกันเพื่อลงทักษะเป็นอะไรที่หนักพอสมควรในช่วงแรกๆ เขียนบทจะยังไม่ได้ลงมาดูน้อง เราจะมีตารางการลงทักษะและตารางนั้นก็จะมีบอกว่าเราต้องเข้าวันไหน ในช่วงแรกตัวเราเองรู้สึกว่าเข้ากับน้องไม่ค่อยได้

การทำแบบนี้ทำให้เราได้รู้จักน้องเพิ่มมากขึ้นว่าใครเหมาะกับบทที่เราวางไว้ไหม ช่วงแรกต่างคนต่างยังไม่รู้จักกันหลังๆ เริ่มรู้สึกว่าสนุกมากพอสนิทก็ทำให้รู้สึกว่าการทำงานดูมีความสุข ทุกครั้งหลังจากเราลงทักษะเสร็จจะมีวงกลม วงกลมนี้เป็นวงกลมเล่าถึงความรู้สึกในวันนี้และจบที่ตรงนี้ บ้างครั้งเราเล่าถึงปัญหาหรือความรู้สึกที่เจอมาเล่าสู่กันฟัง บ้างคนก็มอบกำลังใจและโอบกอดกันในคราเดียวกัน แม้ว่าบ่อยครั้งเราจะท้อและหมดหวัง

ส่งท้ายปีเราได้มีการแคสเพลงและแคสนักแสดงที่เข้ากับบทของเราที่เราวางไว้ แต่ก่อนหน้านั้นเราก็มีการตีกัน ไม่ใช่ฮ่าๆ พูดคุยกันมาแล้วส่วนหนึ่งว่าจะให้ใครแคสบทไหนบ้าง น้องบางคนจะได้แคสหลายตัวละครหน่อย เพราะเรายังไม่มั่นใจว่าน้องเหมาะกับบทไหนกันแน่ แต่ตัวละครไหนน้องไม่มั่นใจแต่พวกเราเล็งเห็นว่าน้องทำได้ เราก็มอบพลังให้เต็มที่ไปเลยยย หลังจากนั้นก็ได้มีการจับฉลากส่งท้ายปีกัน คณะก็ปิดไฟไล่ซึ่งหลายเหตุการณ์มากในวันนี้ เราทั้งใจว่าแคสเสร็จเราอยากไปดูวงดนตรีที่ชอบแต่ก็ไม่ได้ไปเศร้ามากๆ :(  แต่ไม่เป็นไรร้านหมูทะกะก็ฮีลใจพวกเราเสมอ สรุปวันนั้นตี 4 กว่าๆ ถึงห้อง 

ปลายเดือนแห่งปีแม้จะเป็นการบอกลา แต่คือจุดเริ่มต้นของเรา ปัญหามาเยือนเราพร้อมจะแก้ไขเรื่องเราทั้งเพื่อนผู้กำกับและเขียนบทเองก็พูดคุยเรื่องของไดอะล็อกกันอย่างจริงจัง ทุกอย่างลงล็อกน้องนักแสดงไม่มีใครออกทุกอย่างเริ่มนิ่งแต่บทยังไม่ค่อยนิ่ง เพราะเรามีการเพิ่มเนื้อเรื่องที่ทำให้เห็นความเจ็บปวดของตัวละครอย่างสาริกาผู้ที่เป็นคนสร้างปมและฝังใจกับปมนั้นด้วยตัวเธอเอง ทีมอตีดและตัวตึงอย่างราตรีที่มาพร้อมจุดประสงค์ร้ายโดยมีบุหลันเป็นคนยุยง เจ๊ที่หูเบาและบุปผาที่ขี้ขลาด ตาขาว ซูซี่สาวใต้ตัวเล็กแต่ปากแจ๋ว

Back Stage1

ต้นปี 2567 เราได้มีการแจกบทกับน้องๆ นักแสดงซึ่งน้องบอกยาวมากกกกกก แต่ก็ยาวจริงเพื่อนที่เป็นผกก. บอกเราว่าพอมันเข้าปากแบบน้องจำได้อย่างรวดเร็วในช่วงแรกๆ เราจะล้อมวงนั่งซ้อมบทกันและจะเริ่มลงบล็อกกิ้งตำแหน่งต่างๆ ฝ่ายแสง ฝ่ายซาวด์ ก็จะเริ่มเข้ามาดูน้องๆ ด้วยและก็จะมีการจับบัดดี้ซึ่งเราก็จะมีบัดเดอร์ด้วย เรียกได้ว่ากลับหอคราวนี้มีของกินกลับไปตลอด เราได้ทั้งส้ม น้ำเป๊บซี่ เลย์ และอื่นๆ อีกมากมายก่ายกองกิน พอวันเฉลยบัดดี้และบัดเดอร์ เราได้บัดเดอร์เป็นป้าเพ็ญ ส่วนบัดดี้น้องภีมมี่นั่นเอง แต่น้องรู้ว่าเป็นเรานานแล้วเพราะเราไม่เนียนเลย 

“คำว่าอยากออก” ไม่มีใครไม่เคยพูดคำนี้ในระหว่างทางที่เดินทางกันมา ตัวเราเองยังพูดแต่คำว่าออกจริงๆ คงเป็นความรู้สึกเหนื่อยที่เจอมาในแต่ละวัน “บอกพวกฉันได้นะหล่อน” เสียงที่แฝงความห่วงใยจากเพื่อนร่วมทีมที่คิดว่าจะได้รับประโยคนี้ก็ถูกเติมเต็มซึ่งกันแหละกัน เดิมที่ในความคิดเราคิดว่าหลังจบงานก็คงจะแยกใครแยกมัน ความกดดันที่มีปลุกพลังความรู้สึกคำให้คิดในหัวว่าเหนื่อย อยากออก แต่พอมาเห็นถึงความใส่ใจการทำงานมาตั้งแต่ต้นของเรา ภาพในหัวตอนประชุมครั้งแรกที่เราเป็นคนพูดเองว่าอยากทำเลดี้ลูกทุ่งเข้ามา

สรุปผลสุดท้ายฉันตั้งมั่นว่าอีกแค่สองเดือนเอง พอมาคิดดูที่ไม่ออกในตอนนั้นมันคงเป็นสิ่งที่เรารักมากๆ และอยากจะทำมัน ทุกอย่างคงเป็นเพราะความรักในสิ่งที่ทำ จากวันนั้นฉันก็เริ่มมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นกับตัวเอง ประโยคที่ว่าอยากออกหรือการร้องไห้เป็นเพียงความรู้สึกที่ต้องการมีใครสักคนที่คอยปลอบและรับฟังเราเท่านั้น ขอบคุณมิตรภาพจากเพื่อนเก่าขอบคุณจากใจจริงๆ ที่คอยรับฟังเพื่อนพี่ที่คอยแนะนำแต่เรื่องของเรายังไม่จบ :) 

บุหลัน เป็นตัวละครที่เราคิดว่ายากที่สุดเพราะแฝงความชั่วร้ายที่สุด ตอนเขียนไดอะล็อกที่คอยเสี้ยมทั้งราตรีและจันทร์เจ้าเราได้ทำการบ้านด้วยการ นั่งดูนางร้ายหลายรูปแบบเมียน้อย เมียหลวง ส่วนตัวละครอื่นอย่างราตรีที่ร้ายให้เห็นยังไม่เท่าบุหลันน้องภีมมี่เล่นดีมาก แม้ราตรีจะสั่งการแต่คนที่คอยทำตามก็ย่อมใส่ไฟมาอีกทางเลยทำให้เกิดการวางแผนล่อสาริกามาทำให้เธอมีบาดแผลในใจส่งผลมายังปัจจุบันและสร้างความหม่นหมองจนเกิดเป็นความทุกข์ในใจให้กับลูกๆ 

เจ้จันทร์เจ้าและราตรีเป็นตัวร้ายที่ร้ายคนละแบบ จันทร์เจ้าจะเป็นตัวร้ายที่หูเบาเป็นแบบนางร้ายทั่วๆ ไปที่สามารถเจอได้ในละครภรรยาหึงสามี แต่นางเสี้ยมก็ย่อมเป็นราตรีที่แฝงความร้ายและความอยากมีอำนาจของตนเอง คนที่คิดแผนแบบนี้ได้ก็หนีไม่พ้นบุหลันที่แฝงความร้ายกาจมาเต็มเปี่ยม ไม่มีใครจะเอาลงได้ พอน้องๆ แสดงออกมากลายเป็นแก๊งร้ายที่แทงข้างหลังกันตลอดเวลา ตอนมาดูย้อนหลังน้องอิมโพรไวส์และเพิ่มบทเล่นออกมาได้ดีมาก ไม่คิดว่าน้องจะกล้าเล่นและสร้างเสียหัวเราะให้คนดูขนาดนี้ ปลื้มมากอดยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ 

ส่วนที่ชอบในยุคอตีดคือ บุปผา แม้ว่าขี้ขลาด ตาขาวในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นนางก็เลือกปกป้องคนที่รักนั่นก็คือเพื่อนเก่าอย่างสาริกา กลับตัวตอนนี้ยังไม่สายสำหรับตัวละครนี้สะท้อนอย่างหนึ่งในใจเราคือ แม้ว่าตัวตนจะดูเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าทำอะไรแต่ภายจิตใจยังคงรักในสิ่งนั้นเรื่อยมา การลืมตัวตนของตัวเองน่ากลัวเสียยิ่งกว่าการทำร้ายตัวตนของตัวเอง ความหลงผิดของบุปผาที่พาตัวเองออกมาจากจุดที่ขัดกับตัวตนจริง แต่เธอเลือกที่จะมองย้อนไปหาจุดเดิมของตัวเองที่เปลี่ยนฝั่งมากลับตัวกลับใจ 

สาริกาวัยสาว จะเป็นคนที่รักในการร้องเพลงมาก ซึ่งตรงข้ามกับวัยแก่ที่เกลียดการร้องเพลง ทุกวันนี้เรายังไม่ได้ถามน้องกุ๊กกิ๊กเลยว่าตอนที่ร้องเพลงร้องจริงใช่ไหมเพราะมาก การแสดงก็ทำออกมาได้เห็นถึงความเจ็บปวดที่มีในใจ สาริกาวัยแก่น้องไปรยาเจ้าแม่บ่อน้ำตาที่สามารถสั่งออกมาได้ บรีฟสิบน้องเล่นร้อย เป็นเจ้าบ่อน้ำตายกให้ไปรยาเลยค่าจังหวะนี้เล่นดีมาก

Show 2

ตัวละครยุคปัจจุบัน ชอบทุกตัวละครและช่วงแรก ๆ ตัวละครยุคปัจจุบันยากหมดเลยกว่าจะสร้างออกมาได้มีทั้งการเปลี่ยนชื่อ การดำเนินเรื่องก็เปลี่ยนหลายครั้งในที่สุดเราก็แสงเหนือ(พระเอก) แสงที่คอยซัปพอร์ต ทานตะวัน(นางเอก)และน้ำฟ้าให้ส่องสว่างทั่วท้องนภาและนางเอกทานตะวัน ผู้ที่เป็นแสงสว่างให้แม่ ให้รู้ว่าโลกหม่น ๆ ใบนี้ยังพอมีความอบอุ่นอยู่ความฝันที่แสนยากความพยายามที่อยู่ในตัวทำให้กล้าที่จะทำลายกำแพงที่มีอยู่ในใจของแม่ ตอนที่น้องกาฟิวเล่นกับน้องใบเตยที่เป็นคู่พระนางเขียนบทอย่างเราอดเขินไม่ไหมเคมีเข้ากันดีมาก เวลาเราอยู่เหมือนกันเราจะรู้ว่าน้องแต่ละคนเป็นยังไงจะมีความน่ารักในแต่ละคนซึ่งเวลาเล่นเราจะนึกถึงน้องเวลาคุยเล่น ซึ่งก็มีหลายคนที่ทำให้เราอดขำไม่ได้

ในยุคปัจจุบันที่เล่นซึ่งเป็นยุค 70’ s การทำการบ้านก็ค่อนข้างที่จะยาก เพื่อนเมจิที่เขียนบทกับเรา และเพื่อนที่ออกหาข้อมูลช่วยกันตั้งแต่ต้น ทำให้งานเราง่ายขึ้น ตัวละครในยุคนี้ “ทานตะวัน” เป็นตัวที่เราว่าเล่นยากที่สุด เพราะคาแร็กเตอร์เป็นคนเรียบร้อยเราแอบเป็นห่วงนิดๆ แต่!!! หลังๆ มาน้องเล่นได้ดีมากวันจริงคือ น้องเป็นทานตะวันจริงๆ “น้ำฟ้า” เป็นตัวที่เราชอบความสดใสร่าเริงในตัวนางมากกกก เป็นเหมือนน้องที่มาเต็มเติมเสียงหัวเราะให้กับครอบครัว มอบความสดใสให้กับทุกคน

สาริกาวัยสาวและสาริกาวัยแก่เป็นตัวหลักและตัวต้นเรื่องเดิมที่ตัวละครนี้จะอยู่ในเวอร์ชั่นเดิมของรุ่นพี่ พ.ศ. 2549 ซึ่งตอนนั้นเรา 4 ขวบ พล็อตเรื่องเดิมแน่นอนว่าหายไปแล้วได้เพียงมาคร่าวว่าเดิมทีสาริกาเป็นภรรยาของอ้ายแสนที่ชอบดื่มเป็นชีวิตใจจิต จนสาริกาไปทำงานสมัครเป็นนักร้องแต่กลับโดนเสี่ยกระทำไม่ดีไม่ชอบกับสาริกา ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอ้ายแสนมาเจอก็พากันกลับมาอยู่บ้านด้วยกันอีดครั้ง เรื่องก็ตัดจบผู้กำกับและเขียนบทเลยได้สร้างเลดี้ภาคต่อขึ้นมา และตัวละครอื่นๆ ก็ได้ตามมาไม่ว่าจะเป็น ป้าเพ็ญป้าข้างบ้านที่กุมความลับทุกอย่าง แต่น้องจอห์นสร้างตำนานให้ป้าอกหักจากผู้บ่าวส่ำน้อยได้น่ารักมากกก แก๊งสามหนุ่มสามสไตล์ แก๊งนี้นำทัพโดยหนุ่มหน้ามนต์ลูกชายหล่าพ่อกำนันหมู่บ้านโนนส้มโฮงผู้หลงรักนางเอกอย่างทานตะวัน ตัวละครเมฆเป็นตัวละครที่มาสร้างเสียงหัวเราะไม่แพ้น้ำฟ้าแต่ตัวละครนี้จะขี้เล่นเป็นพิเศษ ส่วนตัวละครหมอกจะเป็นหนุ่มผู้เงียบขรึมพูดมีหลักการเป็นสามหนุ่มสามสไตล์ที่ลงตัว

Show1

เรื่องไม่คาดฝัน เรื่องเราเกิดเรื่องไม่คาดฝันตลอดมีทั้งนักแสดงขอออก เขียนบทขอออก นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น การที่เราร่วมมือกันก็มีอุบัติเหตุกับนักแสดงถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกเป็นน้องน้ำอุ่นที่รับบท หมอก ของเราแต่น้องก็รักษาตัวเองจนหายแล้วมาซ้อมจนถึงวันแสดง ส่วนครั้งที่สองแก๊งอตีดของเราก็ได้เกิดอุบัติเหตุด้วยกัน บุหลัน ซูซี่และป้าเพ็ญ เรียกได้ว่าพอได้ฟังตอนเกิดอุบัติเหตุน้องก็ยังบอกพี่พยาบาลว่าต้องมาซ้อมละครจะหายทันไหม รุ่นพี่อย่างเราก็ขนทับไปเยี่ยมน้องจริงๆ เหตุการณ์ครั้งนี้เราก็แอบนอยด์ตัวเองนิดๆ เพราะเป็นคนชวนน้องไปแต่ตอนจะไปเราติดงานพอดี แง แง จริงๆ น้องก็หายทันแต่น้องแอ๋มที่รับบท ซูซี่ นับถือน้องมากเพราะแผลน้องยังไม่หายดีแต่น้องก็สู้มากกก ใจแกร่งสุดๆ ผลสุดท้ายน้องก็ขึ้นเล่นแม้จะเจ็บแผลก็ตาม

พอเจอปัญหาเราก็พร้อมที่จะแก้ไขและมักจะเล่าสู้กันฟังเสมอ เพื่อนที่เป็นฝ่ายแบ็คสเตจพอถึงเวลาที่เจอปัญหาหน้างานก็สามารถโอบอุ้มน้องฝ่ายตัวเองและทีมงานต่างๆ ปัญหานั้นก็จะแก้ไขได้ง่ายดายเวลาที่เราคุยกัน พอมาลองนึกดูมันเป็นภาพที่เราทุกคนต่างช่วยกันให้งานออกมาดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่ดูใหญ่เราก็สามารถทำให้มันดูเล็กลงไปได้ คนที่มาทำจากการได้พูดคุยกันบ้างคนออกจากเซฟโซนของตัวเองก้าวผ่านความกลัว ความกังวลที่มีอยู่ภายในใจเป็นปมเล็กๆ ที่ไม่มีวันหายนอกจากจะก้าวข้ามมันไปให้ได้และกล้าที่จะเผชิญด้วยตัวเราเอง ตอนแรกเราก็มองไม่ออกเหมือนกันว่าเราจะเริ่มยังไงมีความกังวลเติมไปหมด แต่พอนานๆ ไปกลับทำให้ก้าวผ่านมันมาได้ 

Back Stage2

สุดท้ายนี้ไม่ว่าเราจะเจออะไรกันมาเราก็ผ่านมันมาด้วยกัน จนวันแสดงเสร็จสิ้นเป็นการร่วมงานกันหลายฝ่ายและเป็นงานที่ใหญ่มากๆ ทุกเรื่องที่เราทุกคนผ่านมาล้วนเป็นความทรงจำที่ดีต่อกันไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี สุดท้ายก็คือความทรงจำที่ดีต่อกัน ไม่ว่าจะผ่านมานานขนาดไหนหมู่บ้านโนนส้มโฮงก็จะอยู่ในใจทุกคนเสมอ เรื่องราวที่เราผ่านกันมาเราเชื่อว่าทุกคนยังคงจดจำมันได้ ความพยายามของเราและน้องๆ เราเชื่อว่าที่ผ่านมาทุกคนต่างโอบกอดกันและกันเสมอมา ท้ายที่สุดเรายังคงเป็นพี่น้องร่วมสาขาที่ดีต่อกันและเจอกันแหล่งรวมตัวที่เรานัดหมายค่ะ  รักและคิดถึงทุกคนชาวเลดี้ลูกทุ่ง และขอขอบคุณทีมงานทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำให้งานออกมาได้ดีมากๆ  ทุกคนเก่งมากเยี่ยมมากไม่ว่าจะเป็นฝ่ายในขอบคุณมากจริงๆ ที่ร่วมกันทำงานให้ออกมาดีมาก  

ส่งท้าย ครั้งหนึ่งคำว่า “เก่งมาก” เป็นคำที่ได้ยินจากใครจะร้องไห้ออกมาทันทีมันเป็นความรู้สึกที่เราทุ้มเทกับสิ่งนั้นมากๆ แล้วระยะเวลาที่เดินทางมากว่าจะถึงวันแสดงมีท้อมีเหนื่อยมีอะไรหลายอย่างเต็มไปหมด พองานเสร็จเป็นอะไรที่ปลดปล่อยร่างกายให้พักผ่อนมันเป็นความพยายามที่ทำร่วมกันมา จนวันแสดงแล้วความรู้สึก ความทรงจำที่มีมาจู่ ๆ ก็จะไม่มีอีกแล้วมันเป็นความผูกพันที่มีต่อกัน เป็นความรู้สึกที่ดีใจและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน

 

เครดิตภาพ : FB LAKORN NITADE MSU 

สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ : YouTube LAKORN NITADE MSU

  • by ภัทรวดี หอมกำปัง
  • | ไลฟ์สไตล์
OTHER POSTS FROM